หากคุณกำลังมองหาสถานที่เที่ยวที่ดูแปลกตาและน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่เหมือนกับอุทยานแห่งชาติอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา “Bryce Canyon National Park” (ไบรซ์ แคนยอน เนชั่นแนลพาร์ค) ในรัฐยูทาห์ ถือว่าเป็นปลายทางที่ควรอยู่ในลิสต์ของคุณอย่างแท้จริง ด้วยภูมิทัศน์ที่เต็มไปด้วยเสาหินหน้าตาแปลก ๆ ที่เรียกว่า “โฮดู (Hoodoos)” ซึ่งเรียงรายซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ภายในแอ่งหินทรายสีส้มและแดงสด โดยเฉพาะเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามเช้าหรือเย็น ภาพนั้นดูสวยเกินจะบรรยาย หลายคนได้มาเยือนที่นี่แล้วถึงกับเก็บกระเป๋าไม่กลับ บางคนเปรียบที่นี่เหมือน “เมืองอวกาศ” บนดาวดวงอื่น เพราะบรรยากาศและวิวทิวทัศน์แปลกตาไม่เหมือนที่ไหน ๆ
หากพูดถึง “แคนยอน” หลายคนอาจคิดถึงร่องเหวขนาดใหญ่ที่ถูกแม่น้ำกัดเซาะ อย่างไรก็ตาม Bryce Canyon กลับไม่ใช่ “แคนยอน” ตามนิยามทางธรณีวิทยา แต่เป็นแนวหน้าผาที่รูปทรงถูกกัดเซาะจนเกิดเป็นแอ่งคล้ายอัฒจันทร์ (Amphitheater) หลาย ๆ แห่งต่อกัน แต่เพื่อไม่ให้สับสน เรามักเรียกกันตามชื่ออุทยานว่า “ไบรซ์ แคนยอน” กันจนติดปาก ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับรายละเอียดทั้งหมด ตั้งแต่วิธีเดินทาง สถานที่พัก กิจกรรมห้ามพลาด และคำแนะนำอื่น ๆ อีกมากมาย หวังว่าจะทำให้คุณหลงรัก Bryce Canyon จนอยากรีบจองตั๋วไปในทันที
ข้อมูลพื้นฐาน
- สถานที่ตั้ง: Bryce Canyon National Park ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ใกล้กับเมืองเล็ก ๆ ชื่อ Bryce Canyon City และ Tropic ห่างจาก Zion National Park ประมาณ 1.5-2 ชั่วโมงโดยรถยนต์ คุณจึงสามารถแพลนทริปรวมอุทยานอื่น ๆ แถบนี้ได้สบาย
- ประวัติความเป็นมา: เดิมที่นี่ถูกตั้งถิ่นฐานโดยชนเผ่า Paiute ก่อนที่ชาวมอร์มอน (Mormon) จะค้นพบในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 อุทยานได้รับการตั้งชื่อตาม Ebenezer Bryce ผู้บุกเบิกที่เข้ามาตั้งรกราก และต่อมากลายเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในปี ค.ศ. 1923 จนได้รับการยกระดับเป็นอุทยานแห่งชาติในปี ค.ศ. 1928
- ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว: ส่วนใหญ่จะนิยมไปในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง (พฤษภาคม – ตุลาคม) เพราะอากาศกำลังดี ท้องฟ้าสดใส แต่ถ้าใครชอบอากาศหนาวและต้องการเห็นหินโฮดูปกคลุมด้วยหิมะบาง ๆ ก็ควรไปช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) แต่อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวหนา ๆ และตรวจสอบสภาพถนนกันด้วย เนื่องจากที่นี่อยู่ในความสูงเกือบ 2,400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงหนาวเย็นกว่าพื้นที่อื่น ๆ
ไฮไลต์ที่เที่ยว
- Bryce Amphitheater: พื้นที่ที่โด่งดังที่สุดในอุทยาน เต็มไปด้วยเสาหินโฮดูสลับซับซ้อนเหมือนงานปั้นศิลปะขนาดยักษ์ ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินเป็นเวลาที่สวยที่สุด เพราะแสงจะกระทบกับหินจนเกิดเฉดสีส้มแดงที่ตระการตา
- Sunrise Point / Sunset Point / Inspiration Point / Bryce Point: จุดชมวิวหลัก ๆ ที่เรียงรายอยู่รอบ Bryce Amphitheater แต่ละจุดจะมีมุมมองที่แตกต่างกันไป Sunset Point จะให้มุมเห็นความหนาแน่นของโฮดูได้ชัดที่สุด และเหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ส่วน Sunrise Point แน่นอนว่าต้องมาตอนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อจับภาพแสงแรกที่สาดลงมาบนยอดหิน
- Hoodoos: เสาหินหน้าตาไม่เหมือนใคร เกิดจากกระบวนการกัดเซาะของน้ำฝน น้ำแข็ง และลมในสภาพอากาศที่มีความแตกต่างระหว่างกลางวันกับกลางคืนสูงมาก สุดท้ายหินบางส่วนพังทลาย เหลือแค่ “เสา” รูปร่างแปลก ๆ ราวกับว่ามีศิลปินยักษ์มาช่วยปั้นเอาไว้
- Night Sky / Stargazing: Bryce Canyon มีชื่อเสียงเรื่องท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มองเห็นดาวได้ชัดเจนมาก เพราะมลพิษทางแสงต่ำ มีกิจกรรมดูดาวหรือชมทางช้างเผือกที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบสุด ๆ ใครที่เป็นสายถ่ายภาพดวงดาวไม่ควรพลาด
กิจกรรมแนะนำ
- Hiking (เดินป่า): สำหรับผู้ที่ชอบเดินป่าและอยากสัมผัสความงดงามของโฮดูในระยะใกล้ ต้องลองเส้นทางยอดนิยม เช่น
- Navajo Loop Trail: เส้นทางสั้น ๆ ความยาวประมาณ 2-3 กิโลเมตร แต่วิวอลังการมาก เพราะจะพาคุณลงไปยังพื้นด้านล่างของ Bryce Amphitheater และผ่าน “Wall Street” ช่องเขาแคบ ๆ ที่มีเสาหินล้อมรอบ
- Queen’s Garden Trail: ความยาวประมาณ 2-3 กิโลเมตรเช่นกัน เชื่อมต่อกับ Navajo Loop ได้ ถ้าเดินเชื่อมกันทั้งสองเส้นทางจะกลายเป็นวงรอบที่เรียกว่า “Figure 8 Combination” เหมาะกับผู้ที่อยากเห็นวิวหลากหลาย
- Peek-A-Boo Loop: เส้นทางที่ยาวขึ้นและท้าทายกว่า (ประมาณ 8 กิโลเมตร) มีทางลาดชันบ้าง จุดเด่นคือวิวสวยสะกดทุกโค้ง ภาพของโฮดูเรียงรายในหลากหลายมุม
- Horseback Riding: ถ้าอยากลองเป็นคาวบอยในหนังฝรั่ง คุณสามารถจองทัวร์ขี่ม้าลงไปในแคนยอนได้ ช่วงเวลาที่เหมาะคือเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ เพราะอากาศกำลังสบาย ถ่ายรูปออกมาสวยมาก
- Snow Activities (ฤดูหนาว): ถ้าเป็นช่วงที่หิมะตก คุณอาจจะลอง Snowshoeing (เดินป่าบนหิมะพร้อมรองเท้าพิเศษ) หรือ Cross-Country Skiing ได้ โดยบางเส้นทางในอุทยานจะปรับให้เหมาะกับการเล่นกิจกรรมฤดูหนาว
- Stargazing & Astronomy Programs: ช่วงหน้าร้อน อุทยานมักมีกิจกรรมดูดาวกลางแจ้ง มี Ranger หรือเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์ และอาจได้เห็นทางช้างเผือกด้วยตาเปล่า ถ้าคุณโชคดีในคืนที่ท้องฟ้าแจ่มใส
วิธีการเดินทาง
- รถยนต์ส่วนตัว:
- จาก Las Vegas, Nevada ขับทาง I-15 ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วเปลี่ยนเส้นไปทาง Utah SR-12/UT-9 เพื่อเข้าสู่ Bryce Canyon ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 4-5 ชั่วโมง
- จาก Salt Lake City, Utah ขับรถลงมาทางใต้ของ I-15 แล้วเลี้ยวเข้าสู่ SR-20 หรือ SR-12 ต่อไปยัง Bryce Canyon ระยะทางประมาณ 430 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงเช่นกัน
- ขนส่งสาธารณะ: มีบริษัทรถทัวร์บางแห่งให้บริการเส้นทางระหว่างเมืองใหญ่และ Bryce Canyon แต่ต้องเช็กตารางเวลาและฤดูกาล เพราะไม่ได้มีทุกวัน นอกจากนี้ยังมีทัวร์เหมาจาก Las Vegas หรือ Salt Lake City ที่มักจะพ่วงเที่ยว Zion National Park ด้วย
- ภายในอุทยาน: ช่วงฤดูร้อนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง จะมี Shuttle Bus ฟรีคอยบริการจอดรับ-ส่งตามจุดสำคัญต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่พอ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากวนหาที่จอดรถหรือกลัวรถติด
ที่พักแนะนำ
- Bryce Canyon Lodge: ที่พักภายในอุทยานอย่างเป็นทางการ บรรยากาศดีมาก ตกแต่งสไตล์โรงแรมไม้กลางป่า ห้องพักอาจจะราคาแรงหน่อย แต่ได้บรรยากาศที่เต็มอิ่ม และสะดวกในการเดินชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นหรือลงโดยไม่ต้องขับรถ
- Best Western Plus Ruby’s Inn: อยู่ใกล้ทางเข้าอุทยาน มีทั้งห้องพักและร้านอาหารในตัว สะดวกมากสำหรับครอบครัว มีร้านขายของที่ระลึกและทัวร์ขี่ม้าให้เลือกด้วย
- Bryce Canyon City Campgrounds: สำหรับสายแคมป์ปิ้งหรือ RV มีลานกางเต็นท์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานให้ เช่น ห้องน้ำ ฝักบัวไฟฟ้า และน้ำดื่ม หากคุณชอบความเป็นธรรมชาติและอยากนอนมองดาวยามค่ำคืน ที่นี่ตอบโจทย์
ร้านอาหารใกล้เคียง
- ภายในอุทยานและพื้นที่โดยรอบมีตัวเลือกอาหารไม่หลากหลายมากนัก ส่วนใหญ่เป็นอาหารอเมริกันแบบฟาสต์ฟู้ด หรือสเต๊ก เฟรนช์ฟรายส์ เป็นต้น
- ร้านดังที่ผู้คนนิยม เช่น Ebenezer’s Barn & Grill ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ Ruby’s Inn มีโชว์คันทรีเล็ก ๆ ให้ชมตอนเย็น พร้อมเสิร์ฟบาร์บีคิวและอาหารอเมริกันสไตล์ตะวันตก
- หากขับรถออกมาจากบริเวณอุทยาน จะพบร้านอาหารท้องถิ่นในเมือง Tropic หรือ Panguitch ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ แถวนี้ บางร้านอาจมีเมนูพิเศษ เช่น เบอร์เกอร์โฮมเมด พายผลไม้ และมิลค์เชคที่เข้มข้น
ข้อมูลสำคัญและคำแนะนำ
- สภาพอากาศและความสูง: พื้นที่ของ Bryce Canyon อยู่สูงถึงประมาณ 2,400 – 2,700 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศจึงเปลี่ยนแปลงเร็วและค่อนข้างหนาว ควรเช็กพยากรณ์อากาศก่อนเดินทาง และเตรียมเสื้อผ้าที่กันลมและความหนาวได้ดี (แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน กลางคืนก็อาจหนาวได้)
- เวลาเปิด-ปิด: อุทยานเปิดตลอดปี 24 ชั่วโมง แต่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Visitor Center) จะมีเวลาเปิด-ปิดเป็นทางการ ควรตรวจสอบล่วงหน้า
- ค่าธรรมเนียม: สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ค่าธรรมเนียมรถยนต์ส่วนตัวประมาณ 35 ดอลลาร์ ต่อคัน (ราคาปัจจุบันอาจเปลี่ยนแปลงได้) สามารถใช้ตั๋วได้ 7 วัน โดยคุณสามารถใช้บัตร America the Beautiful – National Parks & Federal Recreational Lands Pass แทนได้
- อุปกรณ์เดินป่า: ควรใส่รองเท้าที่เหมาะกับการเดินทางไกล พกน้ำดื่มให้เพียงพอ เนื่องจากอากาศแห้งและร้อนกลางวัน อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ง่าย
- ระวังอาการแพ้ความสูง: บางคนอาจมีอาการเวียนศีรษะหรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เพราะระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น หากรู้สึกไม่ดีให้หยุดพักดื่มน้ำ หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่อุทยาน
ประสบการณ์ส่วนตัว / ความประทับใจ
ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสไปเดินเส้นทาง Navajo Loop Trail ช่วงฤดูใบไม้ผลิ จำได้ว่าตอนลงไปในหุบด้านล่าง อากาศเย็นสบาย ลมพัดผ่านหินโฮดูเป็นเสียงหวีดหวิวเบา ๆ เหมือนเสียงซาวด์เอฟเฟกต์ในหนังวิทยาศาสตร์ พอเงยหน้าขึ้นไปเห็นหินสีส้มตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในเมืองลับแลในฝัน แถมระหว่างทางยังได้เจอลูกกระรอกยืนจ้องหน้าเหมือนจะพูดว่า “แบกอะไรมาเยอะเเยะ” มันคงกำลังสงสัยว่าฉันแบกกล้องมาทำไมเยอะมากมายขนาดนั้น
ตอนค่ำได้มีโอกาสไปนอนแคมป์ในลานกางเต็นท์ที่ Bryce Canyon City ดีใจมากที่ได้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ทางช้างเผือกพาดผ่านฟ้า โฮดูซิลูเอตอยู่ไกล ๆ เป็นภาพที่ประทับใจจนลืมไม่ลง ทุกวันนี้ก็ยังแอบนึกในใจว่า ถ้าชาติก่อนเป็นมนุษย์ต่างดาว ก็คงจะเลือกมาแอบอยู่ตรงนี้แหละ เพราะมันสงบและสวยงามราวกับอีกโลกหนึ่ง
สรุปเนื้อหา
Bryce Canyon National Park ไม่ได้เป็นแค่ “แคนยอน” ธรรมดา แต่มันเป็นงานศิลปะที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นพร้อมกับวิวที่ไม่เหมือนใคร สิ่งที่คุณจะได้เจอคือภาพเสาหินโฮดูเรียงรายกันอย่างอลังการ การได้เห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลงบนโฮดู ทำให้เราเห็นเฉดสีตั้งแต่แดง ส้ม ไปจนถึงชมพูอ่อน เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถถ่ายทอดได้เต็มอิ่มผ่านรูปถ่าย คุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น
หากคุณชอบเดินป่า ถ่ายรูป ชมวิว หรือแค่อยากเห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างออกไปจากอุทยานอื่น ๆ ในโซนตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest) ของอเมริกา Bryce Canyon จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง นอกจากนี้ ยังสามารถจอยกับกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ขี่ม้า ชมดาว จนถึงเล่นสกีครอสคันทรีในช่วงหน้าหนาว พูดได้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นสายผจญภัยหรือสายพักผ่อน ก็สามารถเพลิดเพลินกับ Bryce Canyon National Park ได้เช่นกัน