9 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาเที่ยวโจฮันเนสเบิร์ก

เมื่อพูดถึงแอฟริกาใต้ หลายคนอาจนึกถึงซาฟารี สัตว์ป่า หรือ Cape Town ที่มีภูเขา Table อันโด่งดัง แต่รู้ไหมครับว่า “โจฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg)” ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และชีวิตชีวาแบบเกินต้าน

โจฮันเนสเบิร์ก หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันติดปากว่า “Jozi” หรือ “Jo’burg” เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกาใต้ และถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอันดับต้น ๆ ของทั้งทวีป เรียกว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการลงทุน วัฒนธรรม และแน่นอน ที่เที่ยวก็เด็ดมาก

ผมได้มีโอกาสไปสัมผัสเมืองนี้ด้วยตัวเอง และบอกเลยว่าเกินความคาดหมายมาก ไม่ว่าจะเป็นศิลปะข้างถนนสุดครีเอทีฟ พิพิธภัณฑ์สุดลึกซึ้ง ไปจนถึงตลาดนัดน่าเดิน คาเฟ่ชิค ๆ และแน่นอน การเดินทางแบบซาฟารีขนานแท้ก็อยู่ใกล้แค่นิดเดียว

  • เป็นเมืองที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของชาวแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะบทบาทของ “เนลสัน แมนเดลา”
  • มีทั้งวัฒนธรรมทันสมัยและชุมชนท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์
  • ที่เที่ยวโจฮันเนสเบิร์กมีทั้งศิลปะ คาเฟ่ ซาฟารี ตลาด และวิวสวย ๆ แบบครบจบในเมืองเดียว
  • เหมาะมากสำหรับนักเดินทางสาย “เปิดหูเปิดตา” เพราะคุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่างสุดขั้วจากสิ่งที่คุ้นเคย

โจฮันเนสเบิร์กเหมาะกับใคร

  • นักเดินทางสายวัฒนธรรม – ที่นี่คือแหล่งเรียนรู้ชีวิตจริง ๆ ของชาวแอฟริกัน
  • สายคอนเทนต์ – Street art และตลาดโลคอลคือสวรรค์ของคนชอบถ่ายรูป
  • สายช้อป – งานคราฟต์ งานแฮนด์เมดแน่น
  • สายลุย – จะเที่ยวเมือง หรือไปซาฟารีก็ขับรถแค่ชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น

วิธีการเดินทางไทยไปโจฮันเนสเบิร์ก

เอาล่ะ…เรามาเริ่มจากคำถามคลาสสิก ไปโจฮันเนสเบิร์กจากไทยต้องทำยังไง ขอบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิดครับ

การเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) → สนามบิน OR Tambo International (JNB)

ปลายทางคือ สนามบิน OR Tambo International Airport ที่อยู่ทางตะวันออกของเมือง และเป็นสนามบินหลักของแอฟริกาใต้

🔹 ไม่มีไฟลท์ตรง ต้องต่อเครื่อง 1 ครั้ง:

  1. Singapore Airlines (SQ)
    • เส้นทาง: BKK → Singapore (Changi) → Johannesburg
    • ใช้เวลารวม: ประมาณ 16–18 ชั่วโมง
  2. Qatar Airways (QR)
    • เส้นทาง: BKK → Doha → Johannesburg
    • ใช้เวลารวม: ประมาณ 17 ชั่วโมง
  3. Emirates (EK)
    • เส้นทาง: BKK → Dubai → Johannesburg
    • ใช้เวลารวม: ประมาณ 17.5 ชั่วโมง
  4. Ethiopian Airlines (ET)
    • เส้นทาง: BKK → Addis Ababa → Johannesburg
    • ใช้เวลารวม: ประมาณ 16.5 ชั่วโมง

ราคาตั๋วไป–กลับ (ชั้นประหยัด)

  • ช่วงราคาประมาณ 25,000 – 38,000 บาท ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลและโปรโมชั่น

การเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองโจฮันเนสเบิร์ก

จาก OR Tambo Airport เข้าเมืองไม่ยากครับ มีหลายทางเลือกที่ทั้งสะดวกและปลอดภัย

  1. รถไฟ Gautrain
    • เร็ว ปลอดภัย เชื่อมสนามบินกับใจกลางเมือง (Sandton, Rosebank) ได้ภายใน 15–20 นาที
    • แนะนำสำหรับนักเดินทางมือใหม่ เพราะไม่ต้องต่อรถหลายสาย
  2. แท็กซี่ / Uber
    • มี Uber ใช้ได้สะดวก ปลอดภัย และราคายุติธรรม
    • ค่าโดยสารเข้าเมืองราว ๆ 250–400 ZAR (ประมาณ 500–800 บาท)
  3. รถเช่า
    • เหมาะกับคนที่อยากขับเที่ยวเอง หรือวางแผนไปนอกเมือง (เช่น ซาฟารี)
    • บริษัทเช่ารถมีทั้ง Avis, Hertz, Budget ฆ.ล.ล. ที่สนามบิน

สกุลเงินที่ใช้ในประเทศ

  • ใช้สกุลเงิน แรนด์ (South African Rand – ZAR)
  • อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 23 มีนาคม 2025:
    1 ZAR ≈ 1.90 บาท
    (แนะนำให้เช็กอัตราแบบเรียลไทม์ก่อนแลกที่ XE.com)
  • ใช้บัตรเครดิต/เดบิตได้แทบทุกร้าน โดยเฉพาะ Visa และ Mastercard
  • พกเงินสดติดตัวไว้เล็กน้อยสำหรับตลาดและร้านค้าเล็ก ๆ

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนเดินทาง

  1. พาสปอร์ต – มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
  2. วีซ่า – คนไทยต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ (ประเภทท่องเที่ยว)
    • สมัครผ่านสถานเอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้ในกรุงเทพฯ
    • ใช้เวลาอนุมัติประมาณ 5–10 วันทำการ
  3. ตั๋วเครื่องบิน + หลักฐานที่พัก – ใช้ประกอบการขอวีซ่า
  4. ประกันเดินทาง – แนะนำให้มี โดยเฉพาะสำหรับกรณีสุขภาพและการเลื่อนเที่ยวบิน
  5. ใบรับรองวัคซีน (วัคซีนไข้เหลือง) – ถ้ามีประวัติเดินทางจากประเทศเสี่ยง (ตรวจสอบอัปเดตอีกที)

แนะนำเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็น

แอฟริกาใต้มี 4 ฤดูคล้าย ๆ กับยุโรป เพราะอยู่ซีกโลกใต้ (ฤดูจะสลับกับของไทย):

  • ฤดูร้อน (ธันวาคม–กุมภาพันธ์)
    • อากาศร้อน แดดแรง ควรพกแว่นกันแดด หมวก และครีมกันแดด
    • เสื้อผ้าสบาย ๆ แต่สุภาพ เพราะคนที่นี่แต่งตัวดีมาก
  • ฤดูใบไม้ร่วง (มีนาคม–พฤษภาคม)
    • อากาศเย็นลง แนะนำเสื้อแขนยาวบาง ๆ และแจ็กเก็ตกันลม
  • ฤดูหนาว (มิถุนายน–สิงหาคม)
    • หนาวแห้ง กลางวันประมาณ 10–15°C กลางคืนลงต่ำสุด ~5°C
    • ควรมีเสื้อโค้ต ผ้าพันคอ หมวก และถุงมือบาง ๆ
  • ฤดูใบไม้ผลิ (กันยายน–พฤศจิกายน)
    • อากาศดีสุด! เย็นสบาย แดดกำลังพอดี แต่งตัวยังไงก็รอด

แอปที่ควรโหลดก่อนเดินทาง

  • Google Maps – ใช้นำทางและค้นหาที่เที่ยวโจฮันเนสเบิร์กได้ดีมาก
  • Uber – แอปรถโดยสารหลักในเมือง ปลอดภัยกว่าแท็กซี่ทั่วไป
  • SnapScan / Zapper – แอปจ่ายเงิน QR code ที่ร้านค้าในท้องถิ่นใช้บ่อย
  • TripAdvisor – ใช้ดูรีวิวร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว
  • XE Currency – เช็กเรตแลกเงินได้แบบเรียลไทม์
  • Google Translate – คนที่นั่นพูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่ไว้เผื่อใช้ในย่านท้องถิ่น

ถ้าคุณอ่านช่วงแรกมาแล้ว ก็คงจะเริ่มตื่นเต้นกับเมืองนี้ไม่ใช่น้อยใช่ไหมครับ? แต่ขอบอกเลยว่านั่นยังแค่เริ่มต้นเท่านั้น! เพราะที่เที่ยวโจฮันเนสเบิร์กไม่ได้มีแค่บรรยากาศเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์หรือคาเฟ่เก๋ ๆ เท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ครบเครื่องทั้งสายประวัติศาสตร์ สายธรรมชาติ สายศิลปะ และสายกิน ที่สำคัญคือ แต่ละที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบที่ไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ

เอาล่ะ ถึงเวลาลุยกันต่อกับ “9 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาเยือนโจฮันเนสเบิร์ก” ที่ผมกล้ารับประกันเลยว่า คุณจะอยากกดจองตั๋วตั้งแต่ข้อแรกเลยทีเดียว

1. Apartheid Museum

หากคุณอยากเข้าใจแอฟริกาใต้ให้ลึกซึ้งขึ้น ที่นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด Apartheid Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของระบบแบ่งแยกสีผิวที่เคยเกิดขึ้นในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั้งเศร้าและทรงพลังมาก ที่นี่ไม่ได้มีแค่จัดแสดงภาพหรือสิ่งของเท่านั้น แต่ใช้สื่อผสมและประสบการณ์แบบ immersive ที่ทำให้คุณ “รู้สึก” ไปกับเรื่องราวด้วย

ในพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงเส้นทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของ apartheid การลุกขึ้นต่อต้าน การต่อสู้ของเนลสัน แมนเดลา จนถึงการปกครองประชาธิปไตยในปัจจุบัน แนะนำให้เผื่อเวลาอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง เพราะแต่ละโซนมีเนื้อหาลึกและน่าสนใจมาก

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 6 กม. จากตัวเมือง Sandton
  • ทำไมต้องไป: เข้าใจประวัติศาสตร์จริง ๆ ของประเทศนี้ ได้แรงบันดาลใจจากผู้คนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ
  • ที่พักแนะนำ: The Peech Hotel – บูทีคโฮเทลสไตล์ร่วมสมัย มีสวนสวย บรรยากาศสงบ ห้องพักกว้างขวางและบริการเป็นกันเอง
  • การเดินทาง: ขับรถหรือนั่ง Uber จากใจกลางเมืองประมาณ 15 นาที
  • แนะนำ: มาช่วงเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะ และอย่าลืมพกทิชชู่ – บางตอนอาจทำให้คุณน้ำตาคลอได้

2. Constitution Hill

Constitution Hill ไม่ได้เป็นเพียงแค่แลนด์มาร์กที่สำคัญของโจฮันเนสเบิร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์เข้มข้นและสะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านจากยุคแห่งความอยุติธรรมสู่ยุคประชาธิปไตยของแอฟริกาใต้ ที่นี่เคยเป็นเรือนจำเก่าในสมัยอาณานิคมและยุค Apartheid ซึ่งเคยคุมขังบุคคลสำคัญหลายคน เช่น เนลสัน แมนเดลา และ มหาตมะ คานธี

ปัจจุบัน Constitution Hill ได้รับการปรับปรุงให้เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และที่ตั้งของศาลรัฐธรรมนูญแห่งใหม่ ที่นี่เต็มไปด้วยการจัดแสดงนิทรรศการทั้งเชิงประวัติศาสตร์และสิทธิมนุษยชน แถมยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองโจฮันเนสเบิร์กได้แบบพาโนรามา

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 4 กม. จากตัวเมือง Sandton
  • ทำไมต้องไป: เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของประชาธิปไตยสมัยใหม่
  • ที่พักแนะนำ: Holiday Inn Johannesburg Sunnyside Park – อยู่ไม่ไกลจาก Constitution Hill มีบริการมาตรฐาน บรรยากาศร่มรื่น และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
  • การเดินทาง: เดินทางโดยรถยนต์หรือ Uber ใช้เวลาประมาณ 10–15 นาทีจากใจกลางเมือง
  • แนะนำ: เข้าร่วมทัวร์นำชมจะได้ข้อมูลเชิงลึกและเข้าใจเบื้องหลังของแต่ละโซนมากขึ้น

3. Maboneng Precinct

ถ้าคุณกำลังมองหามุมฮิป ๆ ของโจฮันเนสเบิร์ก นี่แหละคือคำตอบ Maboneng Precinct คือย่านศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสมัยที่มีชีวิตชีวาสุด ๆ เต็มไปด้วยแกลเลอรี่สตรีทอาร์ต ร้านกาแฟดีไซน์เก๋ โรงหนังอินดี้ และตลาดนัดสุดคูล ที่นี่เปรียบเสมือนศูนย์กลางของพลังสร้างสรรค์ในเมืองใหญ่แบบฉบับชาว Jozi

คุณสามารถเดินเล่นชิลล์ ๆ ถ่ายรูปกับผลงานกราฟิตี้สีสันสดใส แวะชิมขนมท้องถิ่น ไปจนถึงพูดคุยกับศิลปินตัวจริงที่เปิดสตูดิโอในละแวกนี้ บรรยากาศผ่อนคลายปนเท่ ๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 5 กม. จากตัวเมือง Sandton
  • ทำไมต้องไป: ได้ฟีลศิลปะร่วมสมัย สตรีทอาร์ตสุดเท่ แถมมีคาเฟ่และร้านอาหารน่ารักเพียบ
  • ที่พักแนะนำ: Curiocity Backpackers Johannesburg – ที่พักแนวโฮสเทลในสไตล์ลอฟต์ ราคาน่ารัก บรรยากาศชิลล์ อยู่ในทำเลที่เดินถึง Maboneng ได้ภายในไม่กี่นาที
  • การเดินทาง: ใช้ Uber จากตัวเมือง ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หรือจะเดินทางแบบ local ด้วย minibus taxi ก็ได้ (แต่ต้องมี local guide ช่วยนำทาง)
  • แนะนำ: มาช่วงสายถึงบ่ายจะถ่ายรูปได้แสงสวยสุด และอย่าลืมใส่รองเท้าสบาย ๆ เพราะเดินเยอะพอสมควร

4. Gold Reef City

ถึงเวลาปล่อยใจให้สนุกสุดเหวี่ยงกันบ้าง Gold Reef City คือสวนสนุกและศูนย์รวมความบันเทิงขนาดใหญ่ของโจฮันเนสเบิร์ก ตั้งอยู่ใกล้กับ Apartheid Museum นี่เอง ที่นี่มีทั้งเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว คาสิโน โรงละคร พิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำจำลอง และร้านอาหารให้เลือกเพียบ เหมาะทั้งกับครอบครัว คู่รัก และสายลุยที่อยากปลุกความเป็นเด็กในตัวอีกครั้ง

Gold Reef City ได้แรงบันดาลใจมาจากยุคตื่นทองในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ทำให้บรรยากาศมีความย้อนยุค สไตล์โอลด์เวิลด์ ผสมกับความทันสมัยของเครื่องเล่นที่ท้าทายอย่าง Tower of Terror, Jozi Express และ Anaconda รับรองว่ากรี๊ดกันสนั่นแน่นอน

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 6 กม. จากตัวเมือง Sandton (อยู่ใกล้กับ Apartheid Museum)
  • ทำไมต้องไป: ได้ทั้งความสนุก สาระ และรูปสวย ๆ แบบย้อนยุคในที่เดียว
  • ที่พักแนะนำ: Southern Sun Gold Reef City – โรงแรมสไตล์ย้อนยุคที่ตั้งอยู่ในโซนสวนสนุกเลย เดินไปเล่นเครื่องเล่นได้แบบไม่ต้องต่อรถ แถมมีห้องพักหลากหลายขนาดให้เลือก
  • การเดินทาง: ขับรถหรือนั่ง Uber ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีจากใจกลางเมือง
  • แนะนำ: มาช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ คนจะไม่แน่นเกินไป และอย่าลืมซื้อตั๋วล่วงหน้าในเว็บเพื่อประหยัดเวลา

5. Johannesburg Art Gallery

สำหรับสายศิลปะและวัฒนธรรม ต้องไม่พลาดแวะมาที่ Johannesburg Art Gallery หรือที่คนท้องถิ่นเรียกสั้น ๆ ว่า JAG ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในแกลเลอรีศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้ ภายในจัดแสดงทั้งผลงานศิลปะคลาสสิกและศิลปะร่วมสมัย ทั้งของศิลปินท้องถิ่นและระดับโลก เช่น Monet, Picasso และศิลปินแอฟริกันร่วมสมัยที่คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อแต่รับรองว่าต้องร้องว้าว

ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Edwardian ที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ และรอบ ๆ ยังมีสวนและพื้นที่พักผ่อนที่เงียบสงบให้คุณได้เติมพลังสร้างสรรค์อีกด้วย

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 4.5 กม. จากตัวเมือง Sandton
  • ทำไมต้องไป: ได้ชมงานศิลปะระดับโลกฟรี! แถมบรรยากาศภายในสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนและเติมอินสไปร์
  • ที่พักแนะนำ: Once in Joburg – ที่พักแนวโฮสเทลแบบครีเอทีฟ อยู่ไม่ไกลจากแกลเลอรี มีทั้งห้องพักเดี่ยวและห้องรวม พร้อมกิจกรรมให้ร่วมสนุกกับนักเดินทางคนอื่น
  • การเดินทาง: นั่ง Uber ใช้เวลาประมาณ 10–15 นาที หรือจะใช้ Gautrain แล้วต่อรถจากสถานี Park Station ก็สะดวก
  • แนะนำ: เช็กเวลาเปิด-ปิดล่วงหน้า บางวันอาจมีนิทรรศการพิเศษหรือกิจกรรมเวิร์กช็อปที่น่าสนใจเพิ่มเติม

6. Neighbourgoods Market

ถ้าพูดถึงที่เที่ยวโจฮันเนสเบิร์ก แล้วไม่พูดถึงตลาดสุดชิคอย่าง Neighbourgoods Market ก็เหมือนมาไม่ถึง ที่นี่เป็นตลาดสุดคูลที่ตั้งอยู่ในย่าน Braamfontein เปิดเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น แต่ละสัปดาห์จะมีทั้งอาหารโฮมเมด เครื่องดื่มออแกนิก แฮนด์เมดแฟชั่น และดนตรีสดแบบ local vibes สุด ๆ

ตลาดนี้ตั้งอยู่บนตึกสองชั้น ชั้นล่างเต็มไปด้วยของกินนานาชาติ ตั้งแต่เบอร์เกอร์ ชีสเค้ก กาแฟ Cold Brew ไปจนถึงอาหารเอธิโอเปีย ส่วนชั้นบนเป็นโซน rooftop ที่มีวิวเมืองสุดเท่ พร้อมโต๊ะยาวให้คุณได้นั่งกิน ดื่ม พูดคุย และพบปะเพื่อนใหม่จากทั่วโลก

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 4 กม. จากตัวเมือง Sandton
  • ทำไมต้องไป: สัมผัสวัฒนธรรมร่วมสมัยของคน Jozi ได้แบบอัดแน่น ทั้งของกิน ของใช้ และคนเก๋ ๆ
  • ที่พักแนะนำ: Once in Joburg – ที่พักแนวแบ็กแพ็คสุดฮิปที่อยู่ใกล้ตลาด เดินแค่ไม่กี่นาที แถมมีกิจกรรมให้แขกทุกคืน เช่น pub crawl และ braai night!
  • การเดินทาง: Uber หรือเดินจาก Park Station ได้ในไม่กี่นาที
  • แนะนำ: มาเช้า ๆ จะได้เลือกของกินแบบไม่ต้องรอคิว และพกเงินสดติดตัวไว้บ้าง เพราะร้านแฮนด์เมดบางร้านยังไม่รับบัตร

7. Carlton Centre

Carlton Centre หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “Top of Africa” คืออาคารที่เคยสูงที่สุดในแอฟริกาใต้ ด้วยความสูง 223 เมตร และมีทั้งหมด 50 ชั้น จุดเด่นของที่นี่คือชั้นบนสุดที่เปิดเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา มองเห็นเมืองโจฮันเนสเบิร์กได้ทั่วทั้งเมือง โดยเฉพาะในวันที่ท้องฟ้าเปิด คุณสามารถมองไปไกลได้ถึง Soweto เลยทีเดียว

ที่นี่เคยเป็นศูนย์การค้าและโรงแรมหรูในอดีต ปัจจุบันอาคารยังคงเปิดให้บริการบางส่วน โดยเฉพาะโซนชมวิวที่ยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวสายถ่ายภาพและคนที่อยากเห็นภาพรวมของเมืองแบบเต็มตา

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 5 กม. จากตัวเมือง Sandton
  • ทำไมต้องไป: วิวเมืองระดับ Top of Africa แบบ 360 องศา ห้ามพลาดถ้าคุณพกกล้องมา!
  • ที่พักแนะนำ: Reef Hotel – โรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจาก Carlton Centre สามารถเดินถึงได้ มี Rooftop Bar วิวดีและอาหารอร่อย
  • การเดินทาง: Uber จาก Sandton หรือใช้ Gautrain แล้วต่อด้วย Uber หรือรถเมล์
  • แนะนำ: ไปช่วงเย็นเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดินและชมวิวแสงสีของเมืองในยามค่ำคืน

8. SAB World of Beer

ถึงเวลาเปิดประสบการณ์สุดชิลแบบ “เบียร์เบา ๆ แต่เล่าได้ยาว” กันบ้าง ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เบียร์ที่จัดแสดงความเป็นมาของเบียร์ในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะประวัติของ South African Breweries (SAB) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของโลก

ในทัวร์จะพาคุณไปเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตเบียร์ตั้งแต่การหมักยันการบรรจุขวด พร้อมชมวัตถุโบราณเกี่ยวกับเบียร์ และที่เด็ดสุดคือ… คุณจะได้ชิมเบียร์จริง ๆ ด้วย ทั้งเบียร์สูตรดั้งเดิมแบบแอฟริกัน ไปจนถึงเบียร์คลาสสิกยอดนิยม เรียกได้ว่าเที่ยว + ชิม + เรียนรู้ ครบจบในที่เดียว

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 6 กม. จากตัวเมือง Sandton
  • ทำไมต้องไป: เที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบเบา ๆ พร้อมเบียร์ชิมฟรีสองแก้ว ใครจะไม่รักล่ะ?
  • ที่พักแนะนำ: Curiocity Backpackers Johannesburg – เดินทางสะดวก อยู่ไม่ไกลจาก SAB แถมยังมีบรรยากาศเฮฮาเหมาะกับสายชิลล์
  • การเดินทาง: นั่ง Uber จากตัวเมือง ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
  • แนะนำ: ต้องจองทัวร์ล่วงหน้า และอย่าลืมเตรียมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตไปด้วย เพราะเขาไม่เสิร์ฟให้คนที่ดูอายุไม่ถึงนะ

9. Soweto Township

Soweto ย่อมาจาก South Western Townships เป็นย่านที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวแอฟริกาใต้โดยเฉพาะคนผิวดำ ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวต่อต้าน apartheid และเป็นบ้านเกิดของบุคคลสำคัญระดับโลกอย่าง Nelson Mandela และ Desmond Tutu

ปัจจุบัน Soweto เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งสตรีทอาร์ต ดนตรีสด ร้านอาหารท้องถิ่น และพิพิธภัณฑ์ เช่น Mandela House และ Hector Pieterson Museum คุณสามารถเดินทางโดยทัวร์จักรยาน หรือจะนั่งรถ minibus พร้อมไกด์ท้องถิ่นก็ได้ รับรองว่าได้ทั้งความรู้ ความสนุก และรูปสวย ๆ เพียบ

  • พิกัด: แผนที่กูเกิลแมพ
  • ระยะทาง: ประมาณ 20 กม. จากตัวเมือง Sandton
  • ทำไมต้องไป: ได้สัมผัสวัฒนธรรมแท้ ๆ และเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากคนท้องถิ่นจริง ๆ
  • ที่พักแนะนำ: Lebo’s Soweto Backpackers – โฮสเทลที่เป็นกันเองมาก มีทัวร์จักรยานให้บริการ อาหารแอฟริกันแท้ ๆ และบรรยากาศเหมือนอยู่กับครอบครัว
  • การเดินทาง: Uber จากตัวเมืองใช้เวลาประมาณ 30–40 นาที หรือจองทัวร์พร้อมรถรับส่งจาก Joburg
  • แนะนำ: ควรใช้บริการไกด์ท้องถิ่นเพื่อความปลอดภัยและเข้าใจเรื่องราวอย่างลึกซึ้ง

สรุปเนื้อหา

โจฮันเนสเบิร์กไม่ใช่แค่เมืองผ่านทางที่หลายคนมองข้าม แต่มันคือจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยพลัง ประวัติศาสตร์ และจิตวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ “ที่เที่ยวโจฮันเนสเบิร์ก” ในลิสต์นี้ครอบคลุมครบทุกสาย ไม่ว่าคุณจะเป็นสายผจญภัย สายกิน สายศิลป์ หรือสายเรียนรู้ ถ้ามีใครถามว่า “โจฮันเนสเบิร์กควรไปมั้ย?” ผมตอบได้เต็มปากเลยว่า ควร แล้วจะหลงรัก เก็บกระเป๋า เตรียมกล้อง แล้วไปสัมผัสด้วยตัวคุณเองเถอะครับ

แชร์บทความ
Scroll to Top